File:441251405 1004555197899483 8496018742389586897 n.jpg

ART&CULTURE: ในอดีตการนับถือคริสต์เป็นโทษถึงตายในญี่ปุ่น เจ้าอาวาสวัดพุทธ เลยให้ชาวคริสต์แอบมาทำพิธีในวัด หลายร้อยปีผ่านไปชาวคริสต์จึงมอบไม้กางเขนให้แทนคำขอบคุณ

ในเมืองซะไก (堺市) จังหวัดโอซาก้า ของประเทศญี่ปุ่น มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งที่ได้กลายเป็นประจักษ์พยานของเอกภาพระหว่างกลุ่มคนต่างศาสนา ที่เกิดในสมัยที่ญี่ปุ่นกดขี่คริสต์ศาสนิกชนอย่างรุนแรง โดยพระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐานอยู่ในวัดที่ชื่อว่า ‘อะเม็นจิ’ (阿免寺) ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนักจากอ่าวโอซาก้า วัดแห่งนี้สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1592 โดยพระสงฆ์รูปหนึ่งชื่อว่า ‘โคอา โจริน โชนิน’ ที่ประสงค์ให้ตัววัดสังกัดอยู่ใน ‘นิกายโจโด’ ซึ่งเป็นนิกายย่อยของพุทธศาสนาฝ่ายมหายานที่มีแนวคิดเรื่อง ‘สุขาวดีพุทธเกษตร’ หรือ ดินแดนอันสงบสุขยิ่งของพระอมิตาภพุทธเจ้า ผู้เป็นพระพุทธเจ้าผู้มีความเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์อย่างเสมอภาค

วัดนี้ดูเหมือนจะเป็นวัดพุทธธรรมดาๆ วัดหนึ่ง ทว่าช่วงเวลาที่วัดถูกสร้างขึ้นมานั้น ดันไปตรงกับช่วงเวลาที่ไดเมียว ‘โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ’ ขึ้นมากุมอำนาจเหนือแผ่นดินญี่ปุ่น (ค.ศ. 1537-1598) และหนึ่งในนโยบายที่ฮิเดโยชิยกมาใช้ ก็คือ การปราบปรามผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์อย่างรุนแรง เนื่องจากมองว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังศาสนานี้ อย่างบรรดามิชชันนารีและชาวยุโรป อาจเป็นภัยการเมือง และอาจชักใยให้ชาวญี่ปุ่นที่ตอนนั้นหันไปนับถือศาสนาคริสต์เป็นแสนๆ คน หันมากระด้างกระเดื่องต่อประเทศก็เป็นได้ ทำให้เขา (ฮิเดโยชิ) ขับไล่มิชชันนารีทุกคนออกนอกประเทศ และสั่งสังหารขาวคาทอลิกทั้งหมด 26 คน ที่เมืองนางาซากิด้วยการจับตรึงกางเขน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และเพื่อขู่ให้ประชาชนกลัว

ด้วยความตึงเครียดทางศาสนาเช่นนี้ ทำให้ท่านโคอา โจริน โชนิน เจ้าอาวาสของวัดอะเม็นจิที่คิดว่าคนทุกคนควรมีสิทธิ์ในการนับถือศาสนาอย่างเท่าเทียม (บวกกับการปลูกฝังของนิกายโจโดที่สอนให้รักทุกคนอย่างเสมอภาค) ตัดสินใจอนุญาตให้ชาวคาทอลิกเข้ามาประกอบพิธีในวิหารได้ตามสะดวก ผ่านการอุทิศพื้นที่ส่วนหนึ่งของวัด ให้เป็นที่ประดิษฐาน ‘มารีอาคันนง’ หรือ พระแม่มารีย์ในร่างพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ชาวคริสต์ ให้ผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ไปให้ได้ ซึ่งการที่เจ้าอาวาสทำเช่นนี้ ทำให้คริสตชนที่อาศัยในแถบโอซาก้า รอดพ้นจากสายตาและการจับกุมของทางการมาได้

ต่อมาสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัววัดกลับถูกทิ้งระเบิดจนวิหารทุกหลังพังพินาศ และเหลือเพียงพระพุทธรูปพระอมิตาภพุทธเจ้าเล็กๆ องค์หนึ่งเท่านั้น ที่ยังรอดมาได้ ทำให้ในปี 2013 มีการสร้างวิหารหลังใหม่ขึ้นเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปองค์นี้ หลังจากที่สร้างเสร็จ โบสถ์คาทอลิกแห่งหนึ่งก็ได้มอบไม้กางเขนให้ทางวัดเพื่อเป็นที่ระลึกถึงคริสตชนที่ตายไปในสงคราม และขอบคุณที่วัดเคยเมตตาให้คริสตชนมาใช้สถานที่ประกอบพิธีกรรม เจ้าอาวาสวัดในสมัยนั้นจึงเอาไม้กางเขนชิ้นนี้ไปติดไว้ที่ ประภามณฑล (แผงออร่า) ของพระพุทธรูปเพื่อเป็นสัญลักษณ์ ของการไม่แบ่งแยกทางศาสนาและความเป็นเอกภาพระหว่างมนุษย์ ซึ่งเป็นคุณธรรมสากลที่ไม่ได้เป็นทรัพย์สมบัติของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง

Brandthink on Facebook